หลวงปู่ปรงได้ศึกษาวิชาไสยเวทกับหลวงปู่ศรี ในหลายๆ แขนง ทั้งด้านเมตตามหานิยม แคล้วคลาด คงกระพันชาตรี มหาอุด และการสร้างเครื่องรางของขลังต่างๆ สำหรับสุดยอดวิชาที่หลวงปู่ปรงได้ศึกษากับหลวงปู่ศรี คือการสร้าง ตะกรุดกระดอนสะท้อน ซึ่งหลวงปู่ศรีจะบอกกล่าวไว้ก่อนว่า ผู้ใดเข้ามาศึกษาวิชานี้ ถ้าพลังจิตไม่แข็งกล้าพอจะศึกษาไม่สำเร็จ และจะต้องวิกลจริตเป็นบ้าในที่สุด วิชานี้จึงไม่ค่อยมีผู้ใดมาขอศึกษากับหลวงปู่ศรี แต่หลวงปู่ปรงได้ตัดสินใจขอศึกษาวิชานี้กับหลวงปู่ศรี และศึกษาจนสำเร็จในที่สุด
สำหรับตะกรุดกระคอนสะท้อนนั้น ถ้าผู้ใดพกพาติดตัวไปแล้วมีผู้คิดร้ายนำอาวุธปืนมายิงใส่ ปากกระบอกปืนจะระเบิดแตกใส่ผู้ที่คิดร้ายนั้นทันที
นอกจากหลวงปู่ปรงได้ศึกษาวิชาไสยเวทกับหลวงปู่ศรีจนเจนจบและเชี่ยวชาญแล้ว ท่านยังไปฝากตัวเรียนวิชาไสยเวทกับพระคณาจารย์ท่านอื่นๆ อีกหลายรูป เพื่อให้มีความรู้ทางด้านไสยเวทแตกฉานไปในหลายๆ ด้าน เช่น หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ จ.นครสวรรค์ หลวงพ่อต้วม วัดสนามชัย จ.ชัยนาท หลวงพ่ออิ่ม วัดหัวเขา จ.สุพรรณบุรี หลวงพ่อเคน วัดดงเศรษฐี จ.อุทัยธานี ฯลฯ เป็นต้น
โดยที่หลวงปู่ปรงเป็นพระคณาจารย์ที่ร้อนวิชา และด้วยชะตาลิขิตทำให้ท่านต้องลาสิกขาออกมามีครอบครัว ใช้ชีวิตแบบฆราวาส มีบุตรชายสืบสายโลหิต ๑ คน นอกจากนั้นท่านเคยใช้ชีวิตแบบนักเลง ทำให้ท่านต้องคอยหลบหลีกเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะเข้ามาจับกุม เนื่องจากชื่อของท่านถูกขึ้นบัญชีดำไว้ที่กรมตำรวจในขณะนั้น แต่ท่านก็หลบหลีกมาได้ทุกครั้ง เพราะใช้วิชาล่องหน กำบังกาย
ต่อมาท่านรู้สึกเบื่อหน่ายและปลงตกในชีวิต ท่านจึงกลับมาอุปสมบทอีกครั้งเมื่อ พ.ศ.๒๕๐๔ ขณะอายุได้ ๕๙ ปี ณ วัดราชประสิทธิ์ ต.โพกรวม อ.เมือง จ.สิงห์บุรี โดยมีพระครูประสิทธิ์สุนทร (หลวงพ่อเตี้ยม) เจ้าอาวาสวัดราชประสิทธิ์ เป็นพระอุปัชฌาย์
หลังจากนั้นท่านได้ออกจาริกธุดงค์ไปทาง จ.อุทัยธานี และออกไปถึงประเทศกัมพูชา เป็นเวลาประมาณ ๓ ปี จึงได้กลับมาจำพรรษาอยู่ที่วัดธรรมเจดีย์ ต.สระแจง อ.บางระจัน จ.สิงห์บุรี ซึ่งแต่เดิมเป็นวัดร้าง ต่อได้รับการพัฒนาขึ้นมาเป็นวัดอีกครั้งหนึ่ง โดยหลวงปู่ปรงและชาวบ้านที่อยู่ในละแวกนั้น ได้ช่วยเหลือเกื้อกูลกันอย่างแข็งขัน จนหลวงปู่ปรงได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสองค์แรกของวัดธรรมเจดีย์ยุคใหม่
หลวงปู่ปรงได้อยู่จำพรรษาที่วัดธรรมเจดีย์ เป็นเวลาถึง ๓๐ พรรษา ในบั้นปลายของชีวิต ท่านได้ย้ายมาจำพรรษาอยู่ที่วัดห้วยเจริญสุข ซึ่งเป็นวัดบ้านเกิดของท่าน และเป็นวัดที่ท่านได้อุปสมบทครั้งแรก
ที่วัดนี้ หลวงปู่ปรง ได้ช่วยบูรณปฏิสังขรณ์อุโบสถที่ชำรุดทรุดโทรม จนคืนสู่สภาพเรียบร้อยแข็งแรงดี ท่านได้มรณภาพลงเมื่อ พ.ศ.๒๕๔๐ ด้วยโรคชรา สิริรวมอายุได้ ๙๕ ปี
สำหรับวัตถุมงคลที่หลวงปู่ปรงได้สร้างไว้มีหลายประเภท เช่น พระพิมพ์สมเด็จเนื้อผง, พระปิดตาเนื้อผง, รูปถ่าย, เหรียญ, ตะกรุด, ผ้ายันต์, ล็อกเกต, แหวนมงคลเกล้า, ปลัดขิก, รักยม, ฯลฯ
การปลุกเสกวัตถุมงคล ท่านจะอัญเชิญพระอรหันต์ ครูบาอาจารย์ของท่านมาร่วมปลุกเสกด้วยเสมอ โดยตัวท่านเองจะปลุกเสกด้วยพระคาถาชินบัญชร และพระคาถาบทอื่นๆ ตามความเหมาะสมของวัตถุมงคลนั้นๆ
การสร้างวัตถุมงคลประเภทเหรียญรูปเหมือนของท่าน ได้อนุญาตให้สร้างเป็นครั้งแรกเมื่อ พ.ศ.๒๕๓๓ โดยพระอาจารย์มานะ เจ้าอาวาสวัดช่องลม ต.โพชนไก่ อ.บางระจัน จ.สิงห์บุรี ได้รับอนุญาตให้สร้างขึ้น เพื่อนำไปสมนาคุณแก่ผู้ร่วมบริจาคทรัพย์สมทบทุนบูรณะศาสนสถานในวัดช่องลม เหรียญที่จัดสร้างขึ้นนี้มี ๒ แบบ คือ
๑.เหรียญรูปไข่ ด้านหน้าเป็นรูปหลวงปู่ปรงเต็มองค์ นั่งทับปืนสั้น ๒ กระบอก ด้านหลังเป็นพระพุทธรูปหลวงพ่อหิน พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ของวัดช่องลม เนื้อเหรียญมี ๒ ชนิด คือ เนื้อทองแดงรมดำ และเนื้อทองแดงรมน้ำตาล
๒.เหรียญรูปใบมะยม ด้านหน้าเป็นรูปหลวงปู่ปรงเต็มองค์ ด้านหลังเป็นยันต์ เนื้อเหรียญมี ๒ ชนิด คือ เนื้อทองแดงกะไหล่เงิน และเนื้อทองแดงผิวไฟ
เหรียญรุ่นนี้หลวงปู่ได้ทำพิธีพุทธาภิเษกที่อุโบสถวัดช่องลม โดยมีพระคณาจารย์ชื่อดังของ จ.สิงห์บุรี และจังหวัดใกล้เคียงในยุคนั้น มาร่วมปลุกเสกหลายท่าน อาทิ หลวงปู่ปรง วัดธรรมเจดีย์, หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง, หลวงพ่อจวน วัดหนองสุ่ม, หลวงปู่เจ๊ก วัดระนาม ฯลฯ นอกจากนี้ท่านยังนำไปปลุกเสกที่วัดธรรมเจดีย์อีกนานนับเดือน จึงได้มอบให้วัดช่องลมนำไปสมนาคุณแจกจ่ายตามวัตถุประสงค์
เหรียญรุ่นนี้มีพุทธคุณสูงทางด้านแคล้วคลาด คงกระพันชาตรี และมหาอุด มีผู้นำไปทดลองยิงด้วยอาวุธปืน ปรากฏว่ายิงไม่ออก เมื่อยิงซ้ำถึงกับปากกระบอกปืนแตก เป็นที่โจษจันกันทั่วไป นอกจากนี้ยังสามารถป้องกันเขี้ยวงาได้ชะงัดนัก โดยผู้ที่พกเหรียญรุ่นนี้ติดตัวไป ได้เผลอไปเหยียบงูเห่าเข้าโดยไม่ตั้งใจ งูเห่าตัวนั้นได้พุ่งเข้าฉกที่น่อง แต่อ้าปากไม่ขึ้น จึงรอดจากเขี้ยวอสรพิษมาได้อย่างปาฏิหาริย์
ผู้เขียนมีข่าวดีจะบอกกล่าวให้ท่านผู้อ่านได้ทราบ คือคุณณรงค์ ประเสริฐศักดิ์ ศิษย์ผู้ใกล้คนหนึ่งของหลวงปู่ปรง ปัจจุบันเป็นข้าราชการบำนาญจากกรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ อายุ ๖๗ ปี ท่านได้เก็บสะสมเหรียญนั่งทับปืนหลวงปู่ปรงไว้จำนวนหนึ่ง และยินดีที่จะมอบให้ท่านผู้อ่านที่ร่วมบริจาคทรัพย์ เพื่อนำไปบูรณปฏิสังขรณ์วัดสิงห์ ต.พระงาม อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี ซึ่งชำรุดเสียหายจากการประสบอุทกภัยอย่างรุนแรงช่วงปลายปี ๒๕๕๔ (คุณณรงค์และญาติพี่น้องของท่านเป็นผู้อุปถัมภ์วัดสิงห์ตลอดมา เนื่องจากเป็นวัดบ้านเกิดของท่าน และท่านเคยอุปสมบทที่วัดนี้) ทั้งนี้ ผู้ที่ร่วมบริจาคทรัพย์ ๒,๕๐๐ บาท จะได้รับเหรียญนั่งทับปืนหลวงปู่ปรง ๑ เหรียญ ท่านที่สนใจอยากได้เหรียญที่มากด้วยประสบการณ์ดังกล่าวไว้สักการบูชา ติดต่อได้ที่ พระอธิการสว่าง อภิวัฒโน เจ้าอาวาสวัดสิงห์ โทร.๐๘-๗๑๑๘-๔๔๒๒,๐๘-๗๑๑๘-๔๔๒๒